
สวัสดีค่ะ ทุกคนทราบไหมคะว่า “ซุปมิโซะ” ที่เราทานคู่กับอาหารญี่ปุ่นนั้นมีต้นกำเนิดเคียงคู่กับวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นมากว่า 1,300 ปี เป็นเครื่องปรุงรสที่ขาดไม่ได้สำหรับคนญี่ปุ่น
โดยมีจุดเริ่มต้นในสมัย เฮอัน “มิโซะ” เป็นสินค้าที่มีราคาแพง และไม่ใช้เครื่องปรุงรสเหมือนในปัจจุบัน แต่สามารถรับประทานได้เลย และเป็นเงินเดือนของชนชั้นสูง เพราะมิโซะมีมูลค่าสูงมาก ทำให้ประชาชนทั่วไปในสมัยนั้นไม่สามารถหาทานกันได้

จนมาถึงในสมัยคามาคุระที่พุทธศาสนาเริ่มเข้ามาจากประเทศจีน โดยมีพระรูปหนึ่งได้นำครกซูริบาจิมาติดตัวมาจากประเทศจีน จนต่อมากลายเป็นจุดเริ่มต้นของการทำ “ซุปมิโซะ” ของนักรบซามูไรในสมัยคามาคุระในฐานะอาหารที่มีความสมดุลต่อร่างกาย
ในปัจจุบันการทำซุปมิโซะคือการใช้น้ำซุปดาชิ (น้ำสต็อคญี่ปุ่นที่ได้จากการต้มปลาแห้งกับสาหร่ายคอมบุ) ผสมกับมิโซะ (ที่ได้จากการนำถั่วเหลืองไปนึ่งแล้วนำมาบดให้ละเอียด ผสมกับข้าวมอลต์และเกลือ หมักทิ้งไว้จนได้เป็นก้อนสีน้ำตาลที่สามารถเก็บรักษาเอาไว้ได้นาน ) มาต้มรวมกันและใส่ส่วนผสมอย่างอื่นเพิ่มเติมตามความชื่นชอบ อาทิ เต้าหู้ขาว, สาหร่าย, หอย หรือผัก
ซึ่งในน้ำซุปมิโซะหนึ่งถ้วยจะอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่าง คาร์โบไฮเดรต, โปรตีน, ไขมัน ฯลฯ

“มิโซะ” จึงเป็นเครื่องปรุงรสที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าทางอาหารที่ให้พลังงานสูง และช่วยบำรุงสุขภาพ เนื่องจากการหมักที่ก่อให้เกิดจุลินทรีย์แล็กติก ในระหว่างขั้นตอนการหมักโปรตีน ไขมันและคาร์โบไฮเดรตภายในข้าวและถั่วเหลือง จนเกิดการแตกตัวกลายเป็นกรดอะมิโน กรดไขมัน และน้ำตาลที่ร่างกายสามารถย่อยได้ง่ายกว่าเดิม
ไม่แปลกใจเลยใช่ไหมคะว่าทำไมคนญี่ปุ่นถึงได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และมีอายุที่ยืนยาว เพราะอาหารที่เปี่ยมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อร่างกาย บวดกับการมีสุขภาพจิตที่ดีของคนญี่ปุ่นที่ทำให้มีร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง เป็นอีกหนึ่งในประเทศที่มีประชากรอายุยืนยาวค่ะ